ทำไมคนที่เป็นเลือดจาง

กำลังเสี่ยงลามไปเป็นโรควูบ?

โรควูบ

คือภาวะหมดสติชั่วขณะ

หรือหมดสติไปเป็นเวลานาน

เหตุมาจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ

( ข้อมูลจาก โรงพยาบาลรามา )

( Rama Channel )

 

สัญญาณเตือนก่อนมีอาการวูบเป็นลม

 

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอาการแบบไหนก็ตาม

สิ่งสำคัญคือ

 

ถ้าลามไปเป็นโรควูบแล้ว

อะไรคือ

ความเสี่ยงสูงสุดที่คุณกำลังจะเจอ?

ความเสี่ยงสูงสุดของโรควูบ

คือ “ การล้มแบบหมดสติ ”

และสิ่งที่น่ากลัวที่สุด

ของการล้มแบบหมดสติคือ

“ หัวฟาดพื้น”  

และคุณจะเสียความมั่นใจ

ในการใช้ชีวิตคุณไปทันที

เพราะคุณจะกังวล

ไม่รู้ว่าคุณจะวูบอีกตอนไหน?

คุณอาจจะวูบตอนคุณกำลังอาบน้ำ

ตอนคุณกำลังขับรถ

หรือตอนคุณกำลังเดินซื้อของอยู่ก็ได้

เรียกง่ายๆว่า

คุณอาจจะวูบได้ทุกที่ทุกเวลา

โรควูบมีหลายแบบ

แล้วแบบไหนที่เกิดจากภาวะเลือดจาง?

โรควูบที่เกิดจากภาวะเลือดจาง จะมีอาการวูบ

แต่ไม่เกิดอาการอื่นๆร่วมด้วยในขณะที่วูบ

ซึ่งการวูบจะเป็นการวูบแล้วไม่รู้สึกตัวเฉยๆ

 

ข้อมูลจาก ศิริราชออนไลน์ ให้ข้อมูลว่า

“ หากตื่นขึ้นมาแล้วมีอาการปากเบี้ยว

ลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด

ชาหรืออ่อนแรงร่างกายครึ่งซีก

อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอาการ

ของหลอดเลือดสมองตีบ หรือ

หลอดเลือดสมองแตก

ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

 

พื้นฐานที่คนที่เป็นเลือดจางทุกคนต้องรู้

เพราะเลือดคือ “พื้นฐานชีวิต” ของทุกคน

 

พื้นฐานที่ต้องรู้คือ

คุณที่เป็นเลือดจางนั้น

จะมีเม็ดเลือดแดงไม่เพียงพอ

หรือเม็ดเลือดแดงไม่มีคุณภาพ

ซึ่งเม็ดเลือดแดงนี้นับเป็นหัวใจสำคัญมากๆ

ในการลำเลียงออกซิเจนเข้าสู่สมอง

และร่างกายของคุณ

เมื่อสมองได้รับออกซิเจนไม่พอ

ก็ทำให้คุณมีอาการ

นอนไม่ค่อยหลับ หลับๆตื่นๆ

หรือตื่นเช้าขึ้นมาแล้วเหมือนคนอดนอน

ร่างกายคุณจึงอ่อนเพลีย เวียนหัว

และเมื่ออ่อนเพลียสะสมเป็นเวลานาน

ก็จึงลามไปเป็นโรควูบ

เพราะ “นอนไม่หลับบ่อยๆ

ทำให้คุณเสี่ยงลามไปเป็นโรควูบ”

และสาเหตุหนึ่งที่สำคัญ

ซึ่งทำให้คุณนอนไม่หลับคือ

“ภาวะเลือดจาง”

ปัจจุบันมีข้อมูลทางการแพทย์มากมาย

ที่ยืนยันว่า “ภาวะเลือดจาง”

เป็นสาเหตุหนึ่งที่สำคัญ

ซึ่งทำให้คุณนอนไม่หลับ

ความจริง!

กว่า70%ของคุณที่เป็นเลือดจาง

และเริ่มมีอาการวูบแล้ว

สาเหตุหลักนั้นมาจากการนอนไม่หลับ

หลับๆตื่นๆ หรือตื่นมาเหมือนคนอดนอนครับ

(อ.สมหวัง วัย84ปี)

ตำรับแพทย์หลวงประเทศจีน(400ปี) รุ่นที่6

ประสบการณ์บางส่วนของคนที่มารักษา

ที่เป็นทั้งเลือดจาง และ วูบ

ประสบการณ์ตรงของคนที่มารักษา

ที่เป็นเลือดจาง มักจะวูบตอนไหน?

 

วูบศีรษะกระแทกพื้น เสียเงินเท่าไหร่?

 

(อ.สมหวัง วัย84ปี)

ตำรับแพทย์หลวงประเทศจีน(400ปี) รุ่นที่ 6

ผมขอให้ข้อมูลที่สำคัญที่สุด

กับคุณที่มีอาการเลือดจาง

แบบนอนไม่ค่อยหลับ หลับๆตื่นๆ

หรือตื่นมาแล้วรู้สึกเหมือนคนอดนอน

และกำลังรักษาด้วยวิธีใดอยู่ก็ตาม

มานานเกินกว่า 3 เดือนแล้ว

แต่ก็ยังมีอาการแบบด้านล่างนี้

(อาการใดอาการหนึ่งก็ได้)

เกินกว่า2วัน/สัปดาห์

คุณกำลังเสี่ยงจะเป็นโรควูบครับ!

 

1.นอนไม่ค่อยหลับ หลับยาก

บางทีใช้เวลาครึ่งชั่วโมง

หรือเป็นชั่วโมงกว่าจะหลับ

(เป็นเกิน 2วัน/สัปดาห์)

2. นอนหลับไม่ยาก

แต่ตื่นนอนแล้วรู้สึกเพลียง่วง

เหมือนคนอดนอน(นอนไม่อิ่ม)

(เป็นเกิน 2วัน/สัปดาห์)

3. นอนหลับๆตื่นๆเป็นช่วงๆ

หลับครั้งหนึ่งนาน2-3ชั่วโมงแล้วก็รู้สึกตัวตื่น

คืนหนึ่งรู้สึกตัวตื่นแบบนี้หลายครั้ง

และตื่นมาก็มีอาการเหมือนคนอดนอน

(นอนไม่อิ่ม)

(เป็นเกิน 2วัน/สัปดาห์)

4. ชอบเวียนหัวบ่อยๆ เพลียหมดแรงบ่อยๆ

มีอาการเหมือนคนเบลอๆ ลอยๆ คิดช้าทำช้า

ทำอะไรก็ไม่ค่อยมีแรง

(เป็นเกิน 2วัน/สัปดาห์)

แต่คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดนั้น!

กลับไม่ใช่คนที่รู้ตัวว่าเลือดจาง

แต่คือ คนที่ไปตรวจเลือดมาแล้ว

และค่าเลือดก็ปกติดี แต่ก็ยังนอนไม่หลับ

หลับๆตื่นๆ หรือตื่นมาเหมือนคนอดนอน

คนเหล่านี้ครับที่เสี่ยงที่สุด

เพราะเค้าจะหลงทางในการรักษาตัวเอง

เพราะคิดว่าค่าเลือดปกติ

ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง

ประสบการณ์ตรงของคนที่มีอาการมาก

แต่ตรวจเลือดมาแล้วค่าเลือดปกติ! 

นี่คือคำถามที่คน 8ใน10คนที่เป็นเลือดจาง

ต้องเคยถามกับตัวเอง

เห็นใครๆก็รักษาวิธีต่างๆแล้วดีขึ้น

แต่ทำไมเรารักษาวิธีแบบเดียวกันกับเค้า

มานานเกินกว่า 3 เดือนแล้วก็ยังไม่ได้ผล

เป็นเพราะอะไร?

ถูกแล้วครับ! ที่คุณรักษาแล้วไม่ได้ผล

(อ.สมหวัง วัย84ปี)

ตำรับแพทย์หลวงประเทศจีน (400ปี) รุ่นที่6 

 ผมขอพูดด้วยความจริงใจนะครับ

การรักษาแบบที่คุณเคยทำมานั้น

จะแบบไหนก็ตาม เค้าดีจริงๆทั้งนั้นแหระครับ

ยาบางตัวก็อาจจะทำให้อาการคุณ

ดีขึ้นได้บ้างบางอาการ

แต่บางอาการก็ไม่ดีขึ้น ที่เป็นแบบนี้เพราะว่า?

“ไม่มีตำรับยา หรือวิธีการรักษาใด

ที่จะรักษาได้ครอบคลุมครบทุกอาการ

ของเลือดจางได้ในตำรับเดียว”

* เลือดจางที่มีอาการนอนไม่หลับ

หลับยาก

ตื่นมาเหมือนคนนอนไม่อิ่มนั้น

ก็มาจากสาเหตุหนึ่ง ซึ่งต้องรักษาแบบหนึ่ง

 

* เลือดจางที่มีอาการเวียนหัว มึนหัวง่าย

เบลอๆ ลอยๆ สมองคิดช้า ทำอะไรก็ช้า

ก็มาจากสาเหตุหนึ่ง ซึ่งต้องรักษาแบบหนึ่ง

* เลือดจางที่มีอาการเพลียง่าย เหนื่อยง่าย

หมดแรงง่าย

ก็มาจากสาเหตุหนึ่ง ซึ่งต้องรักษาแบบหนึ่ง

* เลือดจางที่มีอาการหนาวง่าย ตัวซีด

ตาเหลือง

ก็มาจากสาเหตุหนึ่ง ซึ่งต้องรักษาแบบหนึ่ง

* เลือดจางที่มีอาการผิวแห้งกร้าน เป็นฝ้า

เล็บเปราะ ผมร่วง

ก็มาจากสาเหตุหนึ่ง ซึ่งต้องรักษาแบบหนึ่ง

อาการที่คุณกำลังเป็นนี้ มีมาตั้งแต่โบราณ

นับพันๆปีแล้วครับ

ตามที่มีการบันทึกไว้ใน

ตำรับรักษาแบบแพทย์หลวงประเทศจีน

การรักษาจึงมีหลายวิธีมากๆ

และยาที่ใช้รักษาก็มีมากมายทั่วโลก

ทั้งแบบแพทย์แผนจีน แพทย์แผนไทย

แพทย์แผนตะวันตก แพทย์แผนตะวันออก

ซึ่งทุกแผนการรักษาดีทั้งนั้นครับ

 

แต่คุณควรรู้ไว้ว่า

ยาหรือวิธีการรักษาแต่ละวิธี

ที่มารักษาอาการเลือดจาง

ที่มีอาการนอนไม่หลับ

หลับยาก ตื่นมาเหมือนคนอดนอนนั้น

ไม่ได้เหมาะกับคนทุกๆคนนะครับ

หากวิธีการรักษาใด

ที่คุณทำมานานเกิน 3เดือนแล้ว

แต่ไม่หาย หรือดีขึ้นบ้างนิดหน่อย

แปลว่าว่ายานั้นดี

แต่ไม่เหมาะกับอวัยวะของคุณครับ

ทั้งนี้ทุกยาหรือทุกวิธีที่คุณเคยรักษามานั้น

เค้าดีจริงๆของเค้าอยู่แล้ว

แต่มันอาจจะไม่ถูกกับอวัยวะ

ของร่างกายคุณเท่านั้นเอง

แล้วทำไมยาแต่ละอย่างที่รักษาเลือด

จางแบบนอนไม่หลับ

จึงไม่เหมาะกับทุกๆคน?

 

(อ.สมหวัง)

ถ้าคุณกำลังตั้งคำถามแบบนี้

คุณต้องอ่านข้อมูลข้างล่างนี้นะครับ

เพราะว่าอวัยวะ

ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเลือดแดงนั้น

มีมากถึง 7 อวัยวะ

7 ใน คือ

“3 อวัยวะหลัก + 4 อวัยวะรอง”

1 นอก คือ “อาหาร”

 

3 อวัยวะหลัก

ในการผลิตเลือดแดงคือ “ไขกระดูก ตับ”

และ “ไต”

ซึ่ง”ไต”นั้นจะทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่สำคัญ

ที่ทำให้เลือดสมบูรณ์

4 อวัยวะรอง

ที่เกี่ยวข้องกับเลือดแดงคือ

“ม้าม หัวใจ ปอด กระเพาะอาหาร”

ซึ่งเกี่ยวกับการกำจัดเลือด

การควบคุมการไหลเวียน การฟอกอากาศ

และ การย่อยอาหาร

1 อาหาร

คือคุณภาพของอาหารที่คุณทานเข้าไป

ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตเลือด

มีข้อมูลทางการแพทย์แผนปัจจุบัน

ได้ยืนยันแล้วว่า

“ การผลิตเลือดแดงนั้น

เกี่ยวข้องกับอวัยวะมากมายจริงๆ ”

ถ้าจะอธิบายอย่างง่ายๆก็คือ

ไขกระดูก ตับ และ ฮอร์โมนจากไต

และอาหาร

คือส่วนประกอบสำคัญของการผลิตเลือด

ซึ่ง 4 ปัจจัยสำคัญมีหน้าที่ดังนี้

1.  การมีไขกระดูกที่สมบูรณ์

2.การทำงานของตับที่สมบูรณ์

3. การมีฮอร์โมน EPO

ที่หลั่งจากไตอย่างเพียงพอ

4. การมีสารอาหารที่พอเพียงและนํามาใช้ได้

คือ ธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 และโฟเลท

ข้อมูลสำคัญในปัจจุบันที่แสดงว่า

“ไต และไขกระดูก”

สำคัญต่อการสร้างเลือดแดง

ข้อมูลสำคัญในปัจจุบันที่แสดงว่า

ฮอร์โมนจาก “ไต”

ไปกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง

 

เมื่อคุณอ่านถึงตรงนี้

นั่นคือคุณอ่านมาถึง 50%

ของทั้งหมดแล้วครับ

ซึ่งมีแค่คนส่วนน้อยเท่านั้น

ที่จะได้รู้ต้นเหตุทั้งหมด

ของอาการที่เป็นอยู่ในแบบที่คุณรู้

และในตอนนี้

คุณก็ได้เป็นคนส่วนน้อยนี้แล้ว

ซึ่งต่อไปคุณกำลังจะได้รู้

วิธีในการรักษา

อาการของคุณครับ

คำถามชวนคุณคิด

วิธีรักษาเหล่านี้

คุณลองมาหมดแล้วใช่มั้ยครับ?

เคล็ดลับที่สำคัญที่สุดในการรักษา

ตำรับนี้เฉพาะ

ผู้ที่มีอาการนอนไม่ค่อยหลับ หลับๆตื่นๆ

หรือตื่นมาแล้วรู้สึกเหมือนคนอดนอน

โดยเป็นตำรับ

ที่มีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้น

โดยอาจารย์สมหวัง วัย84ปี นับเป็นรุ่นที่6

(สืบทอดยาวนานกว่า 400ปี)

 

“ ตำรับที่ใช้นี้

ต้องนำเข้าวัตถุดิบทั้งหมดจากประเทศจีน

นำมาชั่ง ตวง วัด ตามแบบดั้งเดิม

และ ปรุงตำรับด้วยมืออาจารย์เอง100%

ก่อนนำไปบรรจุแคปซูล

** ดังนั้น 1 เดือน

จึงมีพอสำหรับ 10-12คนเท่านั้น **

** ตำรับนี้เป็นอาหารทั้งหมด

ที่นำมาบดและบรรจุในรูปแบบแคปซูล **

คุณจึงได้รู้แล้วว่า

ตำรับนี้จึงไม่ใช่ “ยาบำรุงเลือด”

แต่เป็นตำรับซ่อมแซมฟื้นฟู “อวัยวะทั้ง 7″

ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเลือดแดงของคุณ

เพื่อให้อวัยวะได้ผลิดเลือดแดง

ให้พอใช้ด้วยตัวเค้าเอง

ก็จะจบอาการนอนไม่ค่อยหลับ หลับๆตื่นๆ

หรือตื่นมาแล้วรู้สึกเหมือนคนอดนอน

เพื่อไม่ต้องเสี่ยงไปเป็นโรควูบต่อไป

วิธีการรักษา

ตำรับเลือดจางตำรับนี้

เฉพาะผู้ที่มีอาการนอนไม่ค่อยหลับ หลับๆตื่นๆ

หรือตื่นมาแล้วรู้สึกเหมือนคนอดนอน

ผู้ที่จะรักษาต้องทานติดต่อกันทุกวัน

(1 คอร์สมี 3 กระปุก ทานได้ 30 วัน)

ทานติดต่อกันเป็นระยะเวลา 60-90 วัน

(แล้วแต่อาการของแต่ละคน)

 

ปริมาณการทาน

80% (หรือ 8 ใน 10คน)

ที่มารักษากับอาจารย์

จะทานเพียง 2 คอร์ส (ทาน 60 วัน)

20% (หรือ 2 ใน 10คน)

ที่มารักษากับอาจารย์

โดยมีอาการหนักมากๆ

จะทาน 3 คอร์ส (ทาน 90 วัน)

ราคาก่อนโควิท : ปกติคอร์สละ4,500.-

” เนื่องจากสภาวะโควิท

มีคนป่วยเกี่ยวกับเรื่องเลือดจำนวนมาก”

อาจารย์ท่านอยากช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน

จึงลดราคาพิเศษ!

เหลือเพียงคอร์สละ 3000.

(ไม่รวมค่าจัดส่งทั่วประเทศอีก 150.-)

จากสถานการณ์หลังโควิทในปัจจุบัน

ซึ่งส่งผลโดยตรงกับเลือด

ทำให้คนที่เป็นเลือดจางมักจะมีอาการอื่นๆ

เพิ่มขึ้นมาด้วยจึงทำให้ทรมานมากขึ้น

สิทธิพิเศษนี้!

คือ อาจารย์ท่านได้

เพิ่มตำรับรักษาอาการอื่นๆอีก 3 อาการ

ลงไปในแคปซูลด้วย

เพื่อไปช่วยบรรเทา

อาการเลือดจางอาการอื่นๆของคุณ

1. เพิ่มตำรับเลือดจาง

เฉพาะที่มีอาการเวียนหัว มึนหัวบ่อย

ปกติราคา 4,500 บาท

ได้เพิ่มลงในแคปซูลแล้ว

(อาการคุณ ยุพา, อายุ 53 ปี)

“ก่อนหน้านี้ 2-3ปีตรวจเจอเลือดจาง

ก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกับเลือดจาง

กินยาที่หมอให้มาแทบไม่มีอาการอะไรเลย

แต่เคยติดโควิทมา ทีนี้ก็เวียนหัวบ่อย

เวียนหัวทุกวันจนมันใช้ชีวิตลำบาก

จะขับรถก็ไม่ได้กลัวไปหมด”

2. เพิ่มตำรับเลือดจาง

เฉพาะที่มีอาการผิวซีด หนาวง่าย

ปกติราคา 4,500 บาท

ได้เพิ่มลงในแคปซูลแล้ว

(อาการคุณ Boonnisa, อายุ 48 ปี)

” ก่อนหน้าโควิทพี่ไม่ค่อยมีอาการอะไรนะ

พี่เป็นเลือดจางแบบพาหะอยู่แล้ว

ตัวจะซีดๆ อาการหนาวแบบจับใจ

บางทีหนาวจนมือไม้สั่นไปหมด

มามีอาการเยอะหลังจากติดโควิทรอบที่ 2 “

3. เพิ่มตำรับรักษา

อาการปวดท้องเวลามีประจำเดือน

ปกติราคา 3,000 บาท

ได้เพิ่มลงในแคปซูลแล้ว

(คุณ จิตยา, อายุ 35 ปี)

“ปวดท้องตอนมีประจำเดือนคะ

ปวดจนต้องหยุดงาน

ตัวเองเป็นเลือดจางด้วย

ไม่รู้เกี่ยวกันมั้ยพอหลังจากหายโควิท

ทุกครั้งเวลามีประจำเดือนมันปวดหนักกว่าเดิม

ปวดบิดเลย”

ตำรับทั้ง 3 ตำรับนี้

รวมทั้งสิ้นราคา 12,000.-

ทั้งหมดนี้ได้ถูกบรรจุ

เพิ่มลงไปในแคปซูลแล้ว

ในราคาเพียงคอร์สละ 3000.นี้

1.มีแค่ตำรับของอาจารย์

เท่านั้นหรือที่รักษาได้?

(อาจารย์ สมหวัง)

ไม่ใช่ครับ

ขึ้นชื่อว่าเป็นยาหรือเป็นวิธีรักษาใดๆก็ตาม

ย่อมมีครูบาอาจารย์มีคนที่รักษาหายได้

ถึงได้สืบทอดกันมา

ดังนั้นถ้าคุณรักษาแบบใดแล้วดีขึ้น

แสดงว่าวิธีนั้นเหมาะกับร่างกายของคุณ

คุณก็รักษาแบบนั้นต่อไป

แต่ถ้าไม่ดีขึ้นคุณก็ค่อยลองมาหาผม

มาคุยกับผมครับ

2.ต้องทานติดต่อกัน 60-90 วัน

(2-3คอร์ส)ใช่มั๊ย?

หรือทาน1คอร์ส(30วัน)

แล้วเว้นไปอีกหลายๆเดือน

ถึงค่อยมาทานเพิ่มอีก1คอร์ส

(อาจารย์ สมหวัง)

ตำรับนี้จะมีผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือ

คุณต้องทานติดต่อกัน60-90วันครับ

ยกเว้น!ช่วงมีประจำเดือนก็งดทาน

หมดประจำเดือนก็ค่อยกลับมาทานอีกครับ

3.เพราะว่าขั้นต่ำต้องทาน 2 คอร์ส(60วัน)

เมื่อทานคอร์สแรกไปแล้ว

จะรู้ได้ยังไงว่าตำรับนี้

เหมาะกับอาการ

ที่ร่างกายตัวเองกำลังเป็น

และควรจะทานคอร์ส 2ต่อไป?

(อาจารย์ สมหวัง)

ตำรับนี้เมื่อคุณทานติดต่อกันทุกวัน

เมื่อทานไปประมาณ 10-15วัน

ถ้าอาการที่คุณเป็นนั้นดีขึ้น เช่น

นอนหลับดีขึ้น หลับได้ยาวขึ้น

หลับๆตื่นๆน้อยลง

กลางคืนง่วงนอนอยากนอนมากขึ้น

ตื่นเช้ามาไม่เหมือนคนอดนอนเหมือนเดิม

ก็แสดงว่าตำรับนี้เหมาะกับคุณ

ก็ทานต่อไปให้ครบ 2คอร์ส

แต่ถ้าทานไปครบ1คอร์ส(30วัน)

แล้วอาการคุณไม่ดีขึ้นเลย

แสดงว่าปัญหาเลือดจางของคุณ

ไม่ได้อยู่ที่อวัยวะผลิตเลือดแล้วละครับ

น่าจะมาจากเหตุอื่นเช่น

อาจจะยีนส์ธาลัสซีเมียแฝงแบบ

(รุนแรงพิเศษ),

อวัยวะภายในอื่นๆของคุณที่เกี่ยวข้องเช่น

หัวใจ ปอด กระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน

หรือแม้กระทั่งปัญหาการฝ่อของไขกระดูก

หรือบางท่าน

มีความเครียดวิตกกังวลมากเกินไป

(จากอาการซึมเศร้า แพนิค )

เหล่านี้ก็ทำให้คุณ

นอนไม่หลับได้เหมือนกันครับ

4.ทานตำรับนี้แล้ว หายตลอดไปมั๊ย?

 หรืออีกนานแค่ไหน

     ถึงต้องกลับมาทานอีก?    

                                                             

   (อาจารย์ สมหวัง)     

ความจริง! เลือดจางนี้

เกิดจากอวัยวะผลิตเลือด

ที่เค้าเสื่อมลงเป็นสัจจธรรมครับ

ไม่มียาตัวใดจะรักษาหายได้ตลอดไป

เมื่อถึงเวลาหนึ่งอวัยวะเค้าก็ต้องเสื่อมอีก

อาการก็จะกลับมาเป็นอีกได้

ซึ่งสาเหตุหลักๆ

ที่ไปกระตุ้นให้อวัยวะผลิตเลือดเสื่อมเร็วคือ

“คุณที่ใช้ชีวิตหักโหม ” เช่น

นอนดึก(เกิน4ทุ่ม), ทานอาหารไม่ตรงเวลา,

ไม่ทานอาหารเช้า, ดื่มน้ำเย็น น้ำแข็งบ่อยๆ,

ทานอาหารรสดเค็มจัด มันจัด หวานจัด,

ดื่มเหล้า สูบบุหรี่

จากข้อมูลคนที่เคยมารักษากับผม

( อายุเฉลี่ย 35-65ปี )

กว่า 60% (หรือ 6 ใน10คน)

ทุกๆ4-5ปี

ถึงจะกลับมารักษา

ซ่อมแซมอวัยวะผลิตเลือดอีกครั้ง

กว่า 30% (3 ใน 10คน)

ทุกๆ 2-3ปี

ถึงจะกลับมารักษา

ซ่อมแซมอวัยวะผลิตเลือดอีกครั้ง

กว่า 10% (1 ใน 10คน)

ทุกๆ1-2ปี

ถึงจะกลับมารักษา

ซ่อมแซมอวัยวะผลิตเลือดอีกครั้ง

**ส่วนมากจะเป็นพาหะธาลัสซีเมียแบบแฝง

ที่มีอาการค่อนข้างรุนแรงมาก

ปกติมีค่าเลือดต่ำมาก

หรือเลือดจางตั้งแต่เกิด**

ส่วนคนอายุมากกว่า45ปีขึ้นไป

หรือคนที่มีอาการวัยทองแล้ว

อวัยวะผลิตเลือดจะเสื่อมเร็วกว่าคนอายุน้อยๆ

คนที่เป็นเลือดจาง และวัยทองร่วมด้วย

ส่วนมากจะมีอาการรุนแรงมากขึ้น

อาจจะต้องรักษาทั้งเลือดจาง

และรักษาอาการวัยทองควบคู่กันไป

5.หลังจากทานไปแล้วจะมีอาการใดบ้าง?

ที่เป็นเรื่องปกติของคนที่ทานตำรับนี้

(อาจารย์ สมหวัง) 

กว่า80% (8 ใน10คน)

ทานไปแล้ว10-15วันแรก

จะมีอาการแบบนี้

และถ้ามีอาการเหล่านี้

แสดงว่าร่างกายคุณกับตำรับนั้นเข้ากัน

รักษากันได้เป็นอย่างดีครับ

** กลางคืนตอนหัวค่ำจะอยากนอนมากขึ้น

** ง่วงนอนเร็วขึ้น

บางคนจะอยากนอนทั้งวัน

(อาการแบบนี้จะเป็นเกือบทุกวัน

หรือ 2-3วัน/อาทิตย์)

** ถ้าได้นอน

จะหลับยาวๆรวดเดียวตื่นตอนเช้าเลย

หรือ หลับรวดเดียว3-4ชั่วโมง

ค่อยรู้สึกตัวครั้งหนึ่ง

** ตื่นนอนมาจะรู้สึกสดชื่น

เหมือนคนได้นอนมานานๆ

แม้อาจจะยังมีอาการรู้สึกตัวตื่นบ้าง

ตอนกลางคืน

** จะอยากทานอาหาร

ขนมหวาน เนื้อสัตว์มากขึ้น

**ในระหว่างที่รักษานี้ คนที่มีอาการหนาวง่าย

จะเห็นผลดีขึ้นเมื่อทานผ่านไป 15-30วัน

เริ่มอาบน้ำเย็นได้

หรือไม่ต้องอาบน้ำร้อนๆเหมือนแต่ก่อน**

 

6.ตำรับนี้มีสมุนไพรใดที่ทำให้เมาได้มั๊ย?

( คำถามจากผู้ที่เป็นมุสลิม )

(อาจารย์ สมหวัง)

สำหรับคุณที่เป็นมุสลิม คุณสบายใจได้ครับ

ตำรับนี้ไม่มีเนื้อสัตว์เลย ไม่มีสมุนไพร

หรืออาหารใดๆที่ทำให้เมาครับ

7.ตำรับนี้อายุเท่าไหร่? ถึงเริ่มทานได้

(คำถามจากวัยรุ่นที่มีอาการเลือดจาง )

(อ.สมหวัง)

ทานได้ตั้งแต่อายุ12ปีขึ้นไปครับ

อายุน้อยที่สุดที่ผมเคยรักษาให้คือ 12ปี

(มัธยมศึกษาปีที่ 1, เริ่มมีประจำเดือนแล้ว )

ที่ผมเคยรักษา

หลานๆหลายคนที่มีประจำเดือนมามาก

มาครั้งนึงหลายวัน

หมดประจำเดือนแล้วก็เพลีย

เหนื่อย สมองไม่แล่น รู้สึกเบลอๆ ลอยๆ

ไม่มีสมาธิเรียนหนังสือเลย

ตำรับนี้จะไปช่วยอาการเหล่านี้ได้ครับ

8.ผู้ป่วยที่เป็นธาลัสซีเมีย(พาหะ)

หรือ ธาลัสซีเมีย(แฝง) ทานได้มั๊ย?

(อ.สมหวัง)

คุณที่เป็นธาลัสซีเมีย(พาหะหรือแฝง)

ทานได้ปกติเลยครับ

ยกเว้นผู้เป็นธาลัสซีเมียแท้ๆเลย

ตำรับนี้จะรักษาไม่ได้ครับ

เพราะธาลัสซีเมียแท้ๆนั้น

เลือดจางจะเกิดมาจากยีนส์พันธุกรรม

จึงไม่สามารถรักษาได้

ซึ่งต่างจากผู้ที่เป็นแบบพาหะ

หรือแบบแฝงแบบทั่วๆไป

ซึ่งเลือดจางจะเกิดจากยีนส์บางส่วน

และอวัยวะผลิตเลือดบางส่วน

 ดังนั้นผู้ที่เป็นพาหะธาลัสซีเมียที่มีอาการมากๆ

การรักษาด้วยตำรับนี้

อาจจะทำให้คุณดีขึ้นเพียง70-80%

เพราะคุณมียีนส์พันธุกรรมเลือดจางอยู่

9.ผู้ที่เป็นเลือดจาง

ที่อยู่ระหว่างการรักษามะเร็งทุกชนิด

หรือกำลังฟอกไต

หรือผู้ที่เป็นโรคไต ทานได้มั๊ย?

(อ.สมหวัง)

คุณที่เป็นมะเร็งอยู่

ตำรับจะไม่เหมาะกับคุณครับทานไม่ได้

ยกเว้นรักษาหายจากอาการมะเร็งแล้ว

อย่างต่ำ 12เดือนขึ้นไป

ถึงจะทานรักษาได้

(แต่ต้องมาพบกับผมให้ผมตรวจดูก่อน)

สำหรับผู้ที่ฟอกไตแล้วหรือผู้ที่เป็นโรคไตแล้ว

ตำรับนี้ไม่เหมาะกับคุณครับ

ต้องขออภัยด้วยจริงๆ

10.ผู้ป่วยที่มีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย

สามารถทานตำรับรักษานี้ได้ครับ

(อ.สมหวัง)

คุณที่มีอาการวัยทอง, เบาหวาน, ความดัน,

ไขมันพอกตับ, คลอเลสเตอรอลสูง,

ไขมันในร่างกายสูง

อาการทั้งหมดนี้ทานตำรับนี้ได้ครับ

11.เลือดจาง และเป็นกรดไหลย้อน

ทานตำรับรักษานี้ได้มั๊ย?

(อ.สมหวัง)

ได้ครับ ตำรับนี้ทานหลังอาหาร

และไม่มีผลกับกระเพาะอาหาร

เพียงแต่อาการเวียนหัวอาจจะยังมีอยู่บ้าง

เพราะยังมีก๊าซที่มาจากกรดไหลย้อน

เพราะเวียนหัวจากกรดไหลย้อน

นั้นเกิดจากระบบก๊าซในตัวคุณ

แต่เวียนหัวจากเลือดจาง

เกิดจากคุณภาพเลือด

ดังนั้นคนที่ยังเป็นกรดไหลย้อนและเวียนหัว

ต้องรักษากรดไหลย้อนร่วมด้วยครับ

12.ต้องไปพบกับอาจารย์อย่างเดียวเลยมั๊ย

หรือแค่โทรปรึกษาก็ได้?

(อ.สมหวัง)

ดีที่สุดคือมาพบผมโดยตรงเลยครับ

จะได้เห็นรายละเอียด

ของโรคคุณในด้านอื่นๆด้วย

แต่สำหรับคุณที่ไม่สะดวกเดินทางมา

เพราะอยู่ต่างจังหวัด

ก็สามารถคุยแชท

กับผู้ช่วยผมทางเฟซบุค แมสเซนเจอร์

เพื่อคุยสอบถามเบื้องต้นก่อนได้

แล้วผู้ช่วยจะเอาข้อมูลมาปรึกษากับผม

และจะนัดเวลากับคุณ

เพื่อให้โทรหาผมโดยตรง (ตามคิวนัด)

 คุณสามารถไปปรึกษากับอาจารย์โดยตรงได้

ทั้ง 2สาขานี้ 

สำหรับคุณที่ยังมีข้อสงสัยและ

อยากไปพบอาจารย์ส่วนตัว

คุณสามารถไปพบเพื่อปรึกษา

กับอาจารย์ได้ทั้ง 2สาขานี้

สาขาที่1

ห้างสรรพสินค้า พาราไดซ์ พาร์ค (ศรีนครินทร์)

(ทุกวันพุธ  และ วันเสาร์)

13:30-19:00น.

เชียงใหม่บ้านฟาร์มชา

(โซนตลาดเสรีมาร์เก็ต) 

61 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน

เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250

ตามแผนที่ด้านล่างนี้

 

สาขาที่2

 

หมู่บ้าน บ้านหลังสวน

(พุทธมณฑลสาย4)

(ทุกวันอาทิตย์)

13:30-18:00น.

 

90/73 หมู่1 หมู่บ้าน บ้านหลังสวน

ถ.พุทธมณฑลสาย 4 ต.บางกระทึก

อ.สามพราน จ.นครปฐม 73210

ตามแผนที่ด้านล่างนี้

 

 

ต้องการสั่งซื้อ

กดที่ปุ่มด้านล่างนี้ได้เลยครับ

โทร 085-383-9449